แบล็คแจ็ค เกมพนันออนไลน์ระดับตำนาน ที่คุณห้ามพลาด
แบล็คแจ็คเป็นหนึ่งใน เกมออนไลน์ฟรี หรือเกมไพ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจ เกมนี้ถือกำเนิดขึ้นในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยมีต้นกำเนิดที่หลากหลายและซับซ้อน แต่ที่แน่ชัดคือแบล็คแจ็คมีรากฐานมาจากเกมไพ่ที่มีอยู่ในฝรั่งเศสและสเปน
ประวัติเกม แบล็คแจ็ค อย่างละเอียด
หนึ่งในเกมไพ่ที่เป็นต้นกำเนิดของแบล็คแจ็คคือเกม “Vingt-et-Un” (แปลว่า 21) ซึ่งเริ่มมีการเล่นในฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 17 เกมนี้มีความคล้ายคลึงกับแบล็คแจ็คในปัจจุบัน ผู้เล่นจะพยายามทำให้แต้มไพ่ในมือรวมกันใกล้เคียงกับ 21 มากที่สุด โดยไม่เกิน 21 แต้ม
นอกจากนี้ยังมีเกมไพ่ในสเปนที่เรียกว่า “Quinze” (แปลว่า 15) ซึ่งมีลักษณะการเล่นที่ผู้เล่นจะต้องพยายามทำแต้มไพ่ให้ใกล้เคียงกับ 15 มากที่สุด เกมนี้เป็นที่นิยมในฝรั่งเศสและมีส่วนในการพัฒนาเกมไพ่ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีหลักฐานสำคัญสองชิ้นที่บ่งบอกถึงการเล่นเกมไพ่ที่มีลักษณะคล้ายกับแบล็คแจ็คในปัจจุบัน ชิ้นแรกปรากฏในวรรณกรรมของนักเขียนชาวสเปนชื่อ Miguel de Cervantes ซึ่งในเรื่อง “Novelas ejemplares” ได้กล่าวถึงชีวิตของเซียนพนันที่เล่นเกม “21” ที่มีเป้าหมายในการทำแต้มให้ใกล้เคียง 21 โดยไม่เกิน 21 แต้ม
อีกหนึ่งหลักฐานมาจากเกมไพ่ฝรั่งเศสที่เรียกว่า “Vingt-et-Un” ซึ่งมีการเล่นในคาสิโนออนไลน์เว็บตรงและกลายเป็นที่นิยมในวงการพนันในฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
แบล็คแจ็คถูกนำเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยผู้อพยพชาวฝรั่งเศส เมื่อมาถึงสหรัฐฯ เกมนี้ได้รับความนิยมและมีการพัฒนากฎกติกาใหม่เพื่อให้เกมมีความตื่นเต้นและน่าสนใจมากขึ้น
ในช่วงแรกที่แบล็คแจ็คเข้ามาในสหรัฐอเมริกา คาสิโนออนไลน์ ต่าง ๆ ได้เพิ่มโบนัสพิเศษให้กับผู้เล่นที่ได้ไพ่เอซโพดำและไพ่แจ็คสีดำ (แบล็คแจ็ค) เพื่อดึงดูดผู้เล่น จนในที่สุดเกมนี้ก็ได้รับชื่อว่า “Blackjack” และกลายเป็นที่นิยมในวงการพนัน
วิธีการเล่นแบล็คแจ็ค
การแจกไพ่
- เริ่มเกม: ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องวางเดิมพันลงในช่องเดิมพันของตน
- แจกไพ่: เจ้ามือจะแจกไพ่ให้ผู้เล่นทุกคนรวมถึงตัวเองคนละสองใบ ไพ่หนึ่งใบของเจ้ามือจะถูกเปิดให้เห็น และอีกใบจะถูกคว่ำหน้าไว้
การนับแต้มไพ่
- ไพ่เลข 2-10: มีค่าเท่ากับตัวเลขบนไพ่
- ไพ่หน้า (J, Q, K): มีค่าเท่ากับ 10 แต้ม
- ไพ่เอซ (A): มีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
การตัดสินใจ
หลังจากแจกไพ่ ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยมีตัวเลือกดังนี้
- Hit: จั่วไพ่เพิ่มเพื่อเพิ่มแต้มในมือ
- Stand: พอใจกับแต้มที่มีอยู่แล้วและไม่จั่วไพ่เพิ่ม
- Double Down: เพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าและจั่วไพ่เพิ่มอีกหนึ่งใบ
- Split: หากไพ่สองใบแรกเป็นคู่ สามารถแยกไพ่ออกเป็นสองมือ และวางเดิมพันเพิ่มในมือที่แยกออกมา
- Surrender: ยอมแพ้และรับคืนครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพัน (บาง คาสิโนสด อาจไม่มีตัวเลือกนี้)
กติกาของเจ้ามือ
- เจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เมื่อแต้มรวมของไพ่น้อยกว่า 17 แต้ม
- เจ้ามือจะต้องหยุดจั่วเมื่อแต้มรวมของไพ่อยู่ระหว่าง 17-21 แต้ม
การชนะเกม
- หากแต้มไพ่ของผู้เล่นใกล้เคียง 21 มากกว่าเจ้ามือ ผู้เล่นจะชนะและได้รับเงินเดิมพัน
- หากแต้มไพ่ของผู้เล่นเกิน 21 ผู้เล่นจะแพ้ทันที
- หากเจ้ามือเกิน 21 ผู้เล่นจะชนะอัตโนมัติ
- หากแต้มไพ่ของผู้เล่นและเจ้ามือเท่ากัน จะถือว่าเสมอและผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืน
ขั้นตอนการเล่นแบล็คแจ็คอย่างละเอียด
1. เริ่มเกมและวางเดิมพัน
ก่อนที่จะเริ่มเล่นแบล็คแจ็ค ผู้เล่นทุกคนจะต้องวางเดิมพันในพื้นที่เดิมพันของตนเองบนโต๊ะ จากนั้นเจ้ามือจะแจกไพ่ให้ผู้เล่นแต่ละคน รวมถึงตัวเองคนละสองใบ ไพ่หนึ่งใบของเจ้ามือจะถูกเปิดเผยให้ผู้เล่นทุกคนเห็น ส่วนอีกใบจะถูกคว่ำหน้าไว้
2. การตัดสินใจครั้งแรก (Initial Decision)
หลังจากที่ได้รับไพ่สองใบแรก ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป การตัดสินใจนี้รวมถึงการเลือกที่จะ Hit, Stand, Double Down, Split หรือ Surrender
- Hit: หากผู้เล่นต้องการจั่วไพ่เพิ่มเพื่อเพิ่มแต้มในมือ
- Stand: หากผู้เล่นพอใจกับแต้มที่มีอยู่แล้วและไม่ต้องการจั่วไพ่เพิ่ม
- Double Down: หากผู้เล่นเชื่อว่าไพ่ใบต่อไปจะทำให้แต้มในมือใกล้เคียงกับ 21 มากขึ้น ผู้เล่นสามารถเลือกเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าและจั่วไพ่เพิ่มอีกหนึ่งใบ
- Split: หากไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเป็นคู่ ผู้เล่นสามารถเลือกแยกไพ่ออกเป็นสองมือและวางเดิมพันเพิ่มในมือที่แยกออกมา
- Surrender: หากผู้เล่นรู้สึกว่าไพ่ในมือมีโอกาสแพ้สูง ผู้เล่นสามารถเลือกยอมแพ้และรับคืนครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพัน
3. การเล่นของเจ้ามือ (Dealer’s Turn)
หลังจากที่ผู้เล่นทุกคนทำการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เจ้ามือจะเปิดไพ่ที่คว่ำหน้าไว้และเริ่มทำการจั่วไพ่ตามกติกาของเจ้ามือ
- เจ้ามือจะต้องจั่วไพ่เมื่อแต้มรวมของไพ่น้อยกว่า 17 แต้ม
- เจ้ามือจะต้องหยุดจั่วเมื่อแต้มรวมของไพ่อยู่ระหว่าง 17-21 แต้ม
4. การชนะและการจ่ายเงิน (Winning and Payouts)
การชนะในแบล็คแจ็คมีหลายรูปแบบ ดังนี้
- แบล็คแจ็ค (Blackjack): หากผู้เล่นได้รับไพ่ A และไพ่ที่มีค่า 10 (10, J, Q, K) ในไพ่สองใบแรก จะถือว่าเป็นแบล็คแจ็คและชนะทันที โดยจะได้รับเงินรางวัล 1.5 เท่าของเงินเดิมพัน
- ผู้เล่นชนะ (Player Wins): หากแต้มไพ่ของผู้เล่นใกล้เคียงกับ 21 มากกว่าเจ้ามือ ผู้เล่นจะชนะและได้รับเงินรางวัล 1 เท่าของเงินเดิมพัน
- เจ้ามือแพ้ (Dealer Bust): หากเจ้ามือจั่วไพ่เกิน 21 แต้ม ผู้เล่นทุกคนที่ยังอยู่ในเกมจะชนะและได้รับเงินรางวัล 1 เท่าของเงินเดิมพัน
- เสมอ (Push): หากแต้มไพ่ของผู้เล่นและเจ้ามือเท่ากัน จะถือว่าเสมอและผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืน
เคล็ดลับในการเล่นแบล็คแจ็ค
- อย่าจั่วไพ่เมื่อแต้มในมือใกล้เคียง 21 มาก ๆ: เช่น ถ้าแต้มในมือมีค่า 17 ขึ้นไป ไม่ควรจั่วไพ่เพิ่ม
- รู้จักการใช้ Double Down และ Split: การใช้ตัวเลือกเหล่านี้อย่างเหมาะสมสามารถเพิ่มโอกาสในการชนะได้มากขึ้น
- อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ: การยอมแพ้ (Surrender) ควรใช้ในกรณีที่แต้มไพ่ในมือไม่ดีจริง ๆ เท่านั้น
- จดจำกติกาของเจ้ามือ: การรู้ว่าเจ้ามือต้องจั่วไพ่เมื่อไหร่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
แบล็คแจ็คเป็นเกมที่ต้องใช้ทั้งโชคและทักษะในการเล่น หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเล่นและลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดูนะ!
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat.